วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เทพีเสรีภาพ Statue of Liberty : อนุสาวรีย์แห่งเสรีภาพ

    เทพีเสรีภาพ แห่่งสหรัฐอเมริกา
     อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ หรือ เทพีเสรีภาพ เป็นอนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่ และมีคุณค่าทางจิตใจ ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Statue of Liberty แต่เดิมชื่อว่า Liberty Enlightening the World ตั้งอยู่ ณ เกาะลิเบอร์ตี อ่าวนิวยอร์ก ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้แก่ชาวอเมริกัน ในวันที่อเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2419 โดยส่งมอบอย่างเป็นทางการ โดยมี ประธานาธิบดีโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2429


     เทพีเสรีภาพ เป็นประติมากรรมโลหะสำริด รูปเทพีห่มเสื้อคลุม มือขวาชูคบเพลิง มือซ้ายถือถือแผ่นจารึกคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ และมีอักษรสลักว่า "JULY IV MDCCLXXVI" หรือ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2319(ค.ศ. 1776) เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ที่ขาด แสดงถึงความหลุดพ้นจากการเป็นทาส สวมมงกุฎ 7 แฉกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทะเลทั้งเจ็ด หรือทวีปทั้งเจ็ด ภายในมีบันไดวนรวมทั้งสิ้น 162 ขั้น เกิดขึ้นตามแนวคิดของเอดูอาร์ด เดอ ลาบูลาเย นักประวัติศาตร์ ชาวฝรั่งเศส เพื่อ ระลึกถึงความสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกา และ ฝรั่งเศส ระหว่างการปฏิวัติอเมริกัน ออกแบบโดยเฟรเดรีค โอกุสต์ บาร์โทลดี โครงร่างเหล็กออกแบบโดย เออแชน วียอเลต์-เลอ-ดุค และกุสตาฟ ไอเฟล ซึ่งเป็นผู้ออกแบบหอไอเฟล ในกรุงปารีส ส่วนฐานอนุสาวรีย์ สร้างโดยสหรัฐอเมริกา จารึกโคลงซอนเนต์ของกวีชาวอเมริกัน เอมมา ลาซารัส ซึ่งมีเนื้อหาต้อนรับผู้อพยพที่เข้าอยู่มาในอเมริกา



     สาเหตุที่ทำให้ชาวฝรั่งเศสมอบเทพีเสรีภาพให้แก่สหรัฐอเมริกา เพราะว่า พวกเขาชื่นชมชาวอเมริกันที่หาญกล้าหาญ ที่ลุกขึ้นสู้กับสหราชอาณาจักร และประกาศอิสรภาพ จากสหราชอาณาจักรสำเร็จ เป็นชาติเอกราชในที่สุด ชาวฝรั่งเศส จึงรณรงค์หาเงินบริจาคจากทั่วประเทศ
ในการขนส่งจากฝรั่งเศส มายังสหรัฐอเมริกา เนื่องจากความใหญ่โตของอนุเสาว์รีย์ ทำให้ต้องแยกส่วนแล้วมาประกอบที่อเมริกา มีชิ้นส่วนรวมทั้งหมด 350 ชิ้น และนำมาประกอบขึ้นใหม่โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน แต่ส่วนฐาน พบว่ามีการสร้างเสร็จ ในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2429 โดยหมุดตัวสุดท้ายถูกประกอบเสร็จ ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2429



     ปี พ.ศ. 2527 องค์การยูเนสโก ประกาศให้อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ เป็นมรดกของโลก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมไม่น้อยกว่า 800,000 คน



     ตามปกติแล้ว ประชาชนสามารถขึ้นไปชมวิวบนส่วนหัวมงกุฎของเทพีได้ แต่หลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ทางการได้สั่งปิดอนุสาวรีย์ดังกล่าว ล่าสุด มีการเปิดให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปที่เกาะ เพื่อชมความสวยงามของอนุสาวรีย์จากด้านล่างได้ แต่ยังตัวอนุสาวรีย์ยังปิดอยู่ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่ส่วนฐานของอนุสาวรีย์ ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย









วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

หอไอเฟล Eiffel Tower : สัญลักษณ์แห่งกรุงปารีส


หอไอเฟล แห่งฝรั่งเศส



           หอไอเฟล ( Eiffel Tower) หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย



          หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลมีความสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) (รวมเสาอากาศสูง 24 เมตร (79 ฟุต)) ซึ่งก็สูงเท่ากับตึก 81 ชั้น




          เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ปัจจุบันฟอไอเฟลสูงเป็นอันดับที่ 5 ในประเทศฝรั่งเศสและสูงที่สุดในกรุงปารีส ซึ่งอันดับสองคือหอมงต์ปาร์นาสส์ (Tour Montparnasse - 210 เมตร หรือ 689 ฟุต) ซึ่งในไม่ใช้จะถูกแทนที่โดยหออาอิกซ์อา (Tour AXA - 225.11 เมตร หรือ 738.36 ฟุต)



วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

พระราชวังแคทเธอรีน Catherine Palace : พระราชวังฤดูร้อนแห่งความสุข

 พระราชวังแคทเธอรีน แห่งรัสเซีย
     คำว่า Tsarskoye Selo(ซากอเย เซโล)ในภาษารัสเซียหมายถึง หมู่บ้านพระเจ้าซาร์(Tsar's Village) สร้างในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราชเป็นพระราชวังหลวงอันสวยงาม และสวนแห่งความสุขความทรงจำ ในปีค.ศ. 1708-1724 เป็นที่พักผ่อนในฤดูร้อนของพระมเหสีองค์โปรดคือ พระนางแคทเธอรีนที่ 1



     ต่อมาก็ยกให้กับพระธิดาคือพระนางอลิสซาเบธในปีค.ศ. 1741 ได้ทำการตกแต่งพระราชวังให้มีความหรูหรามากขึ้นโดยทำ การขยายพื้นที่ของสวนออกไปสถาปนิกผู้ออกแบบคือ Bartolomeo Francesco Rastrelli และหลังจากที่ได้ทำการตกแต่งเพิ่มเติมก็เริ่มทำให้พระราชวังแห่งนี้ดูมีความโดดเด่นมากขึ้นเป็นที่พักผ่อนในฤดูร้อน ของพระเจ้าซาร์ต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งคนสุดท้ายของราชวงค์โรมานอฟ พระเจ้านิโคลัสที่ 2 ก็มาพำนัพักอยู่และถูก จับตัวจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่นี่



     ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ห้องอำพันที่มีชื่อเสียงถูกขโมยไปหมดโดยกองทัพนาซีของเยอรมันเหตุผล ที่พระราชวังแห่งนี้มีชื่อว่า แคทเธอรีน เพื่อเป็นการขยายพระเกียรติ์แด่พระมารดาของพระนางอลิสซาเบท  พระราชวัง แห่งนี้ประกอบด้วยห้องต่างๆ 55 ห้องมีภาพวาดบนผ้าใบ 130 ชิ้น ออกแบบโดยฝีมือของศิลปินในช่วงคริสต์ศตวรรษ ที่ 17-18



     ในยุคของพระนางแคทเธอรีนมหาราชได้ทรงต่อเติมห้องภาพ ซึ่งจัดแสดงเป็นแผนผังของพระราชวังด้วยศิลปะ คลาสสิก ทำให้พระราชวังฤดูร้อนของพระนางแคทเธอรีนนี้มีความโดดเด่น ด้วยรูปแบบของเอกลักษณ์ที่ลงตัวจึงทำให้พระราชวังแห่งนี้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น 


     ภายในอาคารพระราชวังหลวงแบ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 50 ห้อง ออกแบบโดย Bartolomeo Francesco Rastrelli มีห้องแสดงผังของพระราชวัง และแสดงความเสียหายเนื่องจากการถูกทิ้งระเบิด ในสงครามดลกครั้งที่ 2 คระกรรมกราโบราณคดีในการบูรณะซ่อมแซมพระราชวังให้สวยงามขึ้นเหมือนเดิม ห้องต่างๆ เป็นห้องใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเลียนแบบของเก่า จัดแสดงของใช้และของสะสมในยุคนั้นๆ


     ซึ่งเป็นการยากที่จะทำให้สวยงาม เช่นดั่งเก่าได้ ภายในห้องมีภาพวาด ภาพถ่าย เสื้อผ้า ผ้าม่าน ผ้าไหม และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของราชวงค์ซึ่งสะสมมา ตั้งแต่สมัยพระนางแคทเธอรีนที่ 1 เรื่อยมาจนกระทั่งในยุกคของพระเจ้าซาร์องค์สุดท้ายคือ พระเจ้านิโคลัสที่ 2 ซึ่งมีการ จำลองสถานการณ์ที่สำคัญของราชวงศ์โรมานอฟ ทำให้สามารถเรียนรู้และเข้สใจถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ในชีวิต ประจำวันและประวัติศาสตร์ในยุคนั้นๆ

หมายเหตุ * เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. ปิดทุกวันอังคารและวันจันทร์สุดท้ายของเดือน




วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

โคลอสเซียม Colosseum : สนามกีฬาแห่งกรุงโรม


สนามกีฬาแห่งกรุงโรม ประเทศอิตาลี

     สนามกีฬาแห่งกรุงโรม ประเทศอิตาลีเป็นอนุสรณ์ที่ใหญ่โตของอาณาจักร สนามกีฬาแห่งกรุงโรม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาณาจักรโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิติตัส (Titus) ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือ ประมาณปี ค.ศ. 80

      ตัวสนามสร้างมีรูปเป็นตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัดโดยรอบยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น ภายในมีอัฒจรรย์สำหรับคนนั่งดู จุคนดูประมาณ 80,000 คน ใต้อัฒจรรย์ และใต้ดินมีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และสิงโต หลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะ ฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป หรือ ไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกันมากปีๆหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน

     สนามกีฬาแห่งนี้จึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ แต่เมื่ออาณาจักรโรมันเสื่อมลงก็ถูกข้าศึกทำลายหลายครั้งหลายหน ปัจจุบันยังคงเหลือโครงสร้างเกือบสมบูรณ์ตั้งเด่นเป็นโบราณสถานที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั่วโลก




วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

มหาสถูปบุโรพุทโธ Borobudur : มหาสถูปของโลก

 มหาสถูปบุโรพุทโธ Borobudur แห่งอินโดนีเซีย 


     มหาสถูปบุโรพุทโธ หรือ บรมพุทโธ (Chandi Borobudur) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในภาคกลางของเกาะชวา ห่างจากยอกยาการ์ตาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 40 กิโลเมตร สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 1293 - 1393 โดยบุโรพุทโธเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยความรักความศรัทธาอย่างเปี่ยมล้นต่อพระพุทธศาสนาของชนชาวศรีวิชัย ถ้าไม่นับนครวัดของกัมพูชาซึ่งเป็นทั้งศาสนสถานของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและศาสนาพุทธ บุโรพุทโธจะเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก
     
     บุโรพุทโธ คงความยิ่งใหญ่ ยึดเหนี่ยวจิตใจผู้คน ผ่านกาลผ่านสมัย จวบจนเข้าต้นพุทธศตวรรษที่ 18 ซึ่งใกล้สิ้นยุคของศรีวิชัย ซึ่งในเวลานั้นชาวโปรตุเกสได้เริ่มเข้ามายึดครองหมู่เกาะต่างๆ  และอิทธิพลของศาสนาอิสลามได้เข้ามาแทนที่ บุโรพุทโธได้ถูกลืมเลือนไปและถูกทิ้งร้างท่ามกลางป่าเขาเป็นเวลานับร้อยๆ ปี จนกระทั่งพุทธศตวรรษที่ 24 เซอร์โทมัส แสตนฟอร์ด ราฟเฟิล ชาวดัทซ์ ได้ค้นพบบุโรพุทโธขึ้นอีกครั้งในสภาพที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง และมีการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งแรก ในระหว่างพ.ศ.2448-2453 ต่อมาใน พ.ศ.2516

     รัฐบาลอินโดนีเซียได้เริ่มต้นโครงการปฏิสังขรณ์ใหญ่อีกครั้งโดยมีองค์การยูเนสโก ของสหประชาชาติ ได้ให้ทุนสนับสนุน รวมทั้งเงินทุนอุดหนุนจากบางประเทศที่นับถือพุทธศาสนาซึ่งประเทศไทยก็มีส่วนร่วมด้วย แล้ว...ความสง่างามของบุโรพุทโธจึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง เฉกเช่นในอดีต..